คาบขนมปังวิ่งไปโรงเรียน
ปกติ คนญี่ปุ่นอย่างที่รู้กันว่ามีระเบียบวินัย แต่ทำไม๊ทำไมเวลาเป็นการ์ตูนถึงต้องมีคนการมาสายกันทุกที โดยเฉพาะวันที่ต้องไปโรงเรียนเป็นวันแรก แถมต้องวิ่งคาบขนมปังทั้งๆ ที่นั่งกินดีๆ แปปเดียวก็หมดแล้ว กว่าจะวิ่งไปถึง ขนมปังขาวๆ คงจะเปลี่ยนเป็นสีดำกันหมดแล้วล่ะ
จะให้เจ๋งมันต้องแบบนี้ ลวกเพี้ย
สร้างความสัมพันธ์ด้วย 4 แยก
ด้วยความที่รีบร้อนคาบขนมปังไปโรงเรียนเพราะตื่นสาย ทำให้วิ่งไม่มองทางและชนกับคนเข้าให้ แล้วก็บังเอิญได้แทบทุกเรื่องเพราะว่าคนที่ชนนั้นมักจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นคน ใหม่นักเรียนที่มีรถมาส่งหน้าโรงเรียนคือคุณหนู
ยังคงไม่รีบร้อนเข้าไปที่โรงเรียน เด็กนักเรียนส่วนใหญ่มักเดินไม่ก็ขี่จักรยานมาโรงเรียน ฉะนั้นเมื่อมีรถมาจอดส่งหน้าโรงเรียนเมื่อไหร่ แสดงว่าต้องเป็นคุณหนูแน่นอน (แต่ชีวิตจริงในประเทศไทย การจอดรถส่งลูกหรือคุณหนูเข้าเรียนถือว่าเป็นเรื่องปกมาก และทำให้รถติดด้วย)ล็อกเกอร์เปลี่ยนรองเท้า
เมื่อเข้าโรงเรียนแล้ว เรามักจะเห็นตู้ล็อกเกอร์มากมายมหาศาลมาดักไว้ก่อนจะขึ้นอาคารเรียน ใช่แล้ว มันคือตู้ล็อกเกอร์เปลี่ยนรองเท้า ซึ่งแน่นอนว่ามันมีเหตุผลที่ต้องทำการเปลี่ยนรองเท้า ก็เพราะว่าทางโรงเรียนจะให้ใส่รองเท้าบางๆ เพื่อลดเสียงดังเวลาที่เดินผ่านหน้าห้องเรียน รวมไปถึงไม่ทำให้พื้นในบริเวณอาคารเรียนต้องสกปรกด้วยหย่อนจนหมายรักในล็อกเกอร์เปลี่ยนรองเท้า
นอกจากตัวล็อกเกอร์จะมีหน้าที่ให้นักเรียนเอารองเท้ามาใส่แล้ว มักจะทำหน้าที่เป็นตู้ไปรษณีย์จำเป็นด้วยแบบไม่ตั้งใจ เนื่องจากล็อกเกอร์เปลี่ยนรองเท้าเป็นสิ่งที่นักเรียนทุกคนต้องเปิด ทำให้เหล่านักเรียนขี้อายไม่กล้าสารภาพรักต้องมาแอบหยอดจดหมายทิ้งเอาไว้ ซึ่งดูเผินๆ มันก็น่ารักดี แต่ลองนึกสภาพดูจริงๆ ถ้าเจ้าของตู้เกิดทีนเหม็นหรือฮ่องกงฟุตรับประทานฉับพลัน ความซาบซึ้งอาจกลายเป็นกลิ่นปลาหมึกปิ้งอย่างไม่รู้ตัว
เจอเพื่อนในวัยเด็กอีกครั้งในห้องเรียน
เป็นสายสัมพันธ์ที่ได้รับความนิยมอีกอย่างหนึ่ง สำหรับเพื่อนในวัยเด็ก เหล่านักเขียนมักดลบันดาลให้ทั้งคู่มาพบกันอีกครั้งในโรงเรียนมัธยม เพราะมันจะต่อยอดความซาบซึ่งประทับใจได้อย่างดีชมรมบานตะไท
นี่ถือว่าเป็นเรื่องน่าอิจฉาสุดๆ ที่นักเรียนไทยในชีวิตจริงอยากให้มีบ้าง นั่นก็คือชมรมต่างๆ ภายในโรงเรียนที่มีอยู่มากมายโคตรๆ จริงๆ โรงเรียนในประเทศญี่ปุ่นก็มีชมรมอยู่มากมายอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่จะมีมากในทุกโรงเรียน ซึ่งในการ์ตูนนั้นก็มักจะมีอยู่ครบเครื่องจะยัดชมรมแปลกๆ อย่างเช่นชมรมติดต่อมนุษย์ต่างดาวหรือชมรมถํ่ามอง อันนี้ก็แล้วแต่ความบรรเจิดของผู้เขียนกินข้าวเที่ยงบนดาดฟ้าตึกเรียน
ถือว่าเป็นธรรมเนียมน่ารักของประเทศญี่ปุ่น ที่มักจะทำข้าวกล่อง (หรือใช้งานคนอื่นทำ) มากินในเวลามื้อเที่ยง แน่นอนว่าสถานที่นั่งกินมันก็มีอยู่มากมาย แต่ทำไม๊ทำไมต้องไปนั่งกินบนดาดฟ้าอาคารเรียน อาจจะเป็นพฤติกรรมที่เราสุดจะหยั่งถึงได้ เพราะในประเทศไทยไม่ยักกะมีคนเอาข้าวไปกินบนดาดฟ้าอาคารเรียนกันบ้านผีสิง + ร้านนํ้าชาในงานโรงเรียน
เป็นอีเว้นท์อีกหนึ่งอย่างที่มักจะเกิดขึ้นในโรงเรียนซึ่งเหล่านักเรียนก็ดู ตื่นเต้นมากๆ นั่นก็คืองานโรงเรียนนี่เอง นอกจากซุ้มเกี๊ยวซ่า ยากิโซบะหน้าทางเข้าตึกเรียนแล้ว มักจะต้องมีบ้านผีสิงมาด้วยตลอด ด้วยพื้นที่แคบๆ ในห้องเรียน แถมอยู่ในงานโรงเรียน ไม่เห็นจะน่ากลัวซักนิด แต่ก็ยังมีคนกรี๊ดกร๊าดอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นก็ยังมีซุ้มสิ้นคิดอย่างร้านนํ้าชากันอยู่มากมายมีเรื่องตบตีชกต่อยกันในห้องนํ้า
เราอาจจะได้เห็นกันในหลายๆ เรื่องว่าเวลาที่มีนักเรียนทะเลาะกันทีไร ชอบลากไปสั่งสอนในห้องนํ้าเสียเหลือเดิน (ในกรณีที่มีจำนวนฝ่ายเท่ากัน มักจะไปหลังโรงเรียนมากกว่า) ก็พอเข้าใจว่ามันไม่ค่อยมีคน แต่ถ้าเกิดมีคนท้องเสียแถมกินสะตอมาเยอะกำลังเล่นบอมเบอร์แมนอยู่กับโถส้วม อีแบบนี้มันยังมีอารมณ์มีเรื่องกันอยู่เร้อออ7 สิ่งมหัศจรรย์ในโรงเรียน
ไม่รู้ว่าทำไมว่าโรงเรียนในโลกของการ์ตูน จะไม่ค่อยมีโรงเรียนที่ปกติเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา มักจะต้องมีคำสาบ, เรื่องลี้ลับ, เรื่องมหัศจรรย์ ให้ตัวละครในเนื้อเรื่องทำการค้นหาอยู่เรื่อย เช่นผีคุณซาดาโกะในห้องนํ้าหญิงชั้น 3, หุ่นต้องสาปในห้องวิทยาศาสตร์, รอยเลือดปริศนาข้างบันได้ที่ยังไงก็ล้างไม่ออก, สารภาพรักใต้ต้นไม้แล้วจะสมหวัง และอื่นๆ อีกมากมายอาจารย์พละมักเป็นผู้ชาย และต้องหื่นด้วย
ถือว่าเป็นความซวยซํ้าซ้อนของชายชาตรีที่มีอาชีพเป็นครูพละเลยทีเดียว ด้วยความที่การ์ตูนต่างๆ มักจะทำคาแรกเตอร์ของอาจารย์พละเป็นชายกล้ามลํ่าหน้าหื่น ชอบแทะโลมนักเรียนสาวด้วยสายตาและการกระทำ แหม่ ไอ้ของแบบนี้อาจารย์วิชาอื่นก็ได้นะความลับไม่มีบนโลก แต่มีอยู่ที่หลังอาคารเรียน
สาวซึนมักมาใช้บริการบ่อย
หลังอาคารเรียน สถานที่ยอดฮิตที่เหล่านักเรียนมักจะไปใช้บริการกันอย่างต่อเนื่องเวลามี เรื่องที่ไม่อยากบอกใคร อยากเก็บไว้เป็นความลับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชกต่อย, สูบบุหรี่, นั่งกินข้าว, มอบชอกโกแลตวันวาเลนไทน์, สารภาพรัก ฯลฯ ทั้งๆ ที่มีคนใช้บริการเยอะขนาดนี้ แต่เวลาที่มีเหตุการณ์ที่หลังอาคารเรียนทีไรมักไม่เคยมีคนอยู่ตลอดเลย ถ้าโรงเรียนไหนมีอาจารย์ไปนั่งเฝ้าซักคนคงน่าสนุกติดอยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์พละ
คนเก็บอุปกรณ์หลังวิชาพละ ถือว่าเป็นคนดีมีความเสียสละ แต่ก็มักซวยอยู่รํ่าไป เพราะพวกเขามักจะโดนคนข้างนอกล็อกห้องแบบไม่ได้ตั้งใจ ต้องติดอยู่เป็นเวลานาน และส่วนใหญ่จะติดอยู่กันแค่ 2 คน เป็นเหตุการณ์ที่มักจะใช้กับการเล่าภูมิหลังอันแสนชีชํ้ากะหลํ่าปลี, คลายความเข้าใจผิดกับอีกฝ่าย ไม่ก็สารภาพรักฝนมักตกหลังเลิกเรียนและมีโจร แต่ก็ยังเป็นวันที่มีความสุข
ดั่งเทพเจ้ากลั่นแกล้ง ไม่รู้เป็นอะไรฝนถึงมักจะตกในเวลาหลังเลิกเรียนให้กลับบ้านลำบากเล่นๆ และเมื่อฝนตก ก็มักจะมีโจรปรากฏตัวขึ้นมา ใช่แล้ว โจรขโมยร่มนั่นเอง และคนที่ซวยโดยขโมยร่มก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากพระเอกของเรื่อง แต่พวกเขามักจะบอกกับตัวเองเสมอว่าเป็นวันที่โชคดี เพราะพี่แกมักจะได้เกาะชายร่มนางเอกกันสองต่อสองประจำ เหตุการณ์เหล่านี้คงอาจจะเคยเกิดขึ้นกับผู้แต่ง (แต่ไม่ได้อยู่ใต้ร่มกับสาวสวย ก็เลยแต่งมาสนองนี๊ดตัวเอง)
ข้อมูลจาก http://www.nazitv.com/